ในยุคที่ Marketplace และ Social Commerce ครองตลาด eCommerce

จากสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้  ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ทั้งสินค้าและบริการต้องปรับตัวเข้ามาทำธุรกิจแบบออนไลน์หรือที่เรียกว่า eCommerce กันมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการคาดการณ์ในอนาคต การซื้อขายผ่านระบบ eCommerce จะกลายมาเป็นพฤติกรรมหลักของผู้บริโภค ตามวิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal

เมื่อหลายธุรกิจ หลายแบรนด์ เริ่มหันมาจับช่องทาง  eCommerce Platform ในการทำธุรกิจ แบรนด์ส่วนใหญ่เลือกใช้ช่องทาง Social Commerce และ Marketplace เป็นช่องทางในการขายสินค้า และหลายๆ แบรนด์ยังเลือกใช้การสร้างเว็บไซต์ของแบรนด์ตัวเองเป็นช่องทางในการขายสินค้าและบริการ

แล้วช่องทางไหนกันที่ดีที่สุด ?

แม้ในปัจจุบันหลายแบรนด์สินค้ากว่า 47 เปอร์เซนต์ จะเลือกช่องทาง Marketplace  เป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าและบริการ เช่น Lazada หรือ Shoppee แต่อย่าลืมว่าช่องทางเหล่านั้นเปรียบเสมือนว่า เราไปอาศัยพื้นที่เขาขายสินค้า หากเมื่อไรที่เขาไล่ที่เราหรือห้ามเราขายขึ้นมา ช่องทางการขายสินค้าเราก็จะหายไปทันที เช่นเดียวกับการเลือกใช้ Social Commerce ที่เราสามารถโดนเจ้าของที่ เจ้าของแพลตฟอร์มสั่งปิดร้านค้าเราได้ทุกเมื่อ ทำให้ช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าของเราหายไปได้เช่นกัน ต่างจากการสร้างเว็บไซต์ของเราเองจะเปรียบได้กับการที่เราสร้างร้านค้าขายสินค้าของเราเองบนพื้นที่ที่เราเป็นเจ้าของนั่นเอง

“ทำไม ? ต้องสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง ให้ยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายด้วย ในเมื่อแพลตฟอร์มอื่นๆ ทั้ง  Social Commerce และ Marketplace ต่างๆ ก็สามารถใช้งานได้ แค่สมัครสมาชิก โพสต์รูปสินค้า ก็สามารถขายได้ฟรีแล้ว”

มาดูเหตุผลที่เราต้องสร้างเว็บไซต์ในยุคที่ Marketplace และ Social Commerce ครองตลาด eCommerce

1. เสิร์ชเจอได้ง่ายกว่า

พฤติกรรมของมนุษย์เมื่อต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง จะเลือกค้นหาโดยใช้ เครื่องมือ Google ซึ่งการสร้างเว็บไซต์จะทำให้แบรนด์ของคุณถูกค้นพบบน Google ได้มากกว่าช่องทางอื่น

2. ช่องทางอื่นหาย แต่เว็บไซต์ยังอยู่

สำหรับคนที่เลือกใช้หลายแพลตฟอร์มในการขายสินค้า การสร้างเว็บไซต์จะเปรียบเสมือนศูนย์กลาง ที่เชื่อมต่อไปยังเเพลตฟอร์มอื่นๆ และเมื่อไรก็ตามที่ช่องทางอื่นๆ ของคุณมีปัญหา หรือหน้าร้านของคุณหายไป ลูกค้ายังสามารถค้นหาคุณเจอได้ด้วยการสร้างเว็บไซต์ของแบรนด์

3. มั่นใจได้ ข้อมูลไม่รั่วไหล

ข้อมูลต่างๆ เป็นความลับของคุณ เราไม่รู้ว่าการไปเลือกใช้แพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของ จะมีใครสามารถเข้าหลังบ้านมาเก็บข้อมูลทางธุรกิจของเราไปได้บ้าง การสร้างเว็บไซต์ของเราเองจะทำให้เรามั่นใจว่าข้อมูลของเราจะไม่ตกไปอยู่ในมือคู่แข่งทางธุรกิจได้

4. สร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับแบรนด์

การสร้างเว็บไซต์ สร้างความน่าเชื่อถือ ยังคงต้องยอมรับว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เราเลือกซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่เป็นประเภทเดียวกัน ว่าจะเลือกซื้อจากแบรนด์ใดนั้น ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ก็จะเป็นหนึ่งเหตุผลในการตัดสินใจ การสร้างเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลทั้งของแบรนด์และข้อมูลสินค้าจึงสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้อย่างดี

5. ออกแบบเองได้ ตอบโจทย์ทั้งสินค้าและลูกค้า

การสร้างเว็บไซต์สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับตัวสินค้าและบริการของเราได้มากขึ้น รวมถึงตอบสนองให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคของเราได้มากกว่า บางครั้งธุรกิจของเราอาจมีรายละเอียดปลีกย่อย ซับซ่อนมากกว่าที่ฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มอื่นๆ จะรองรับได้ เช่น ขายเสื้อผ้าที่มีหลายสี หลายไซส์, ขายอาหารที่ต้องการส่งอย่างรวดเร็ว, การส่งของไปต่างประเทศทีี่ต้องใช้บริการขนส่งเฉพาะ, หรือการลงทะเบียนจองโต๊ะอาหารหรือจองห้องพัก เป็นต้น ซึ่งทำให้ลูกค้าของเราอาจจะใช้บริการหรือสั่งซื้อสินค้าของเราได้ยาก การสร้างเว็บไซต์จึงสามารถตอบโจทย์กับธุรกิจต่างๆ ของเราได้ตรงจุดกว่า สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการซื้อขายสินค้าให้ทั้งกับแบรนด์และลูกค้าได้นั่นเอง ซึ่งในข้อนี้ อาจจะต้องอาศัยบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการสร้างเว็บไซต์ตามความต้องการลูกค้า ที่สามารถ Customize เว็บไซต์ให้เหมาะสมกับสินค้าและเเบรนด์ได้

แม้ในปัจจุบัน Marketplace Commerce และ Social Commerce จะมีบทบาทมากในวงการ eCommerce แต่ก็ยังต้องอาศัยการสร้างเว็บไซต์ของแบรนด์ควบคู่ไปด้วยนั่นเอง

--------------------------------------------------------------------

incommon studio  ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเว็บไซต์ eCommerce ด้วย Magento/WooCommerce